ความแตกต่างระหว่างประกันรถยนต์ 3+ กับ 2+ ที่คุณควรรู้

ประกันรถยนต์ 3+

เชื่อว่าสำหรับใครหลายคนที่ได้ลองคิดอย่างละเอียดรอบคอบแล้วว่าประกันชั้น 1 เป็นทางเลือกที่ไม่ตอบโจทย์ ก็ต้องมีทางเลือกอื่น ๆ เข้ามาทดแทน บางคนอาจสนใจประกันรถยนต์ 3+ แต่บางที่ก็ให้คำแนะนำว่าไม่ลองเลือกประกัน 2+ ดูล่ะน่าจะคุ้มกว่า ทั้งในเรื่องของการคุ้มครองและราคาที่ต้องจ่าย ดังนั้นเพื่อให้คุณมีข้อมูลในการตัดสินใจ ในวันนี้เราจึงจะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงความแตกต่างของประกัน 3+ และ 2+ ว่าเป็นอย่างไร

ความแตกต่างระหว่างประกันรถยนต์ 3+ และ 2+ ที่คุณควรรู้

สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดระหว่างความแตกต่างของประกันรถยนต์ 3+ และ 2+ นั่นก็คือ เรื่องของค่าเบี้ยประกันและความคุ้มครอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้รับแตกต่างกัน ดังนั้นหากอยากรู้ว่าประกันชั้นไหนเหมาะกับตนเอง จึงจำเป็นต้องรู้รายละเอียด ซึ่งความแตกต่างที่ว่า มีดังต่อไปนี้

1. เริ่มต้นที่ราคา

  • ประกันรถยนต์ 3+ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 6,600 บาท ขึ้นอยู่กับบริษัทประกัน
  • ประกันรถยนต์ 2+ ราคาเริ่มต้นที่ 7,500 บาท ขึ้นอยู่กับบริษัทประกัน

2. ความคุ้มครอง

  • ประกันรถยนต์ 3+ มีดังนี้

ไม่คุ้มครองกรณีไฟไหม้ น้ำท่วม สูญหาย

ไม่จำเป็นต้องตรวจสภาพรถก่อนทำประกัน

  • ประกันรถยนต์ 2+ มีดังนี้

คุ้มครองในกรณีสูญหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม (บางกรมธรรม์)

นอกจากนี้ประกันรถยนต์ 3+ และ 2+ ยังมีการคุ้มครองเหมือนกัน 4 กรณี ดังนี้

  • คุ้มครองความเสียหายของรถ ทรัพย์สิน และค่ารักษาพยาบาลของคู่กรณี
  • คุ้มครองค่าเสียหายของรถยนต์ผู้เอาประกัน ในกรณีเกิดอุบัติเหตุแบบรถชนรถ
  • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของผู้เอาประกันและผู้โดยสารที่นั่งมาด้วย เหมือนกับประกันชั้น 1
  • ให้ความคุ้มครองอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์ของบริษัทประกันเท่านั้น

แล้วประกันรถยนต์ 3+ และ 2+ เหมาะกับใคร

แม้ลักษณะการคุ้มครองของประกันทั้งสองชั้นจะใกล้เคียงกันและแตกต่างกันในบางกรณี แต่หากพิจารณาให้ดีก็จะเป็นทางเลือกที่เหมาะกับพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละคนแตกต่างกันไป 

1. ประกันชั้น 3+ 

เหมาะกับคนที่มีความชำนาญในการขับขี่รถ หรือสัดส่วนของการจอดมากกว่าขับ รวมถึงคนที่มั่นใจว่ารถน่าจะไม่มีการสูญหาย หรือเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้น

2. ประกันชั้น 2+ 

เหมาะสำหรับคนที่มีความสามารถในการขับขี่รถยนต์ แต่ไม่ถึงขั้นชำนาญ ไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้รถสักเท่าไหร่ หรือนาน ๆ ใช้ครั้ง รวมถึงเหมาะสำหรับคนที่รับมือกับความเสี่ยงไม่ได้ เช่น อาจกลัวว่ารถยนต์เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การชนรถกับรถเท่านั้น แต่อาจเกิดจากไฟไหม้ สูญหาย หรือน้ำท่วมประกันชั้น 2+ ก็จะคุ้มครองในส่วนนี้

ไม่ว่าจะเป็นการซื้อประกันรถยนต์ 3+ 2+ หรือ 1 ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์ ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจจึงอยากให้ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของความคุ้มครองและราคาที่ต้องจ่าย จากนั้นให้ลองพิจารณาว่าประกันชั้นไหนน่าจะเหมาะกับตัวเองมากที่สุด แต่หากไม่มีข้อมูลในด้านนี้และอยากทำประกัน ก็สามารถลองติดต่อสอบถามกับบริษัทประกันที่สนใจเกี่ยวกับข้อเสนอต่าง ๆ รวมถึงควรเลือกประกันชั้นไหน ก็จะทำให้คุณได้คำตอบที่ชัดเจนมากขึ้น

Heidi Cox

Heidi Cox